Advertisement
โรคซิฟิลิส โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
หลายคนอาจจะถามว่านี้คือโรคอะไร เป็นอย่างไร แล้วมีอาการแบบไหน วันนี้จะได้มารู้จักกับ โรคซิฟิลิส กัน ว่าคือโรคอะไร
นอกจากโรคหนองใน โรคเอดส์แล้ว โรคซิฟิลิส ยังเป็นโรคที่หน้ากลัวเช่นเดียวกัน เพราะว่าเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการชัดเจนในตอนแรก ๆ มักจะแฝงได้นานถึง 2 ปีกว่าจะรู้ความจริงก็เป็น โรคซิฟิลิส เสียแล้ว รู้เท่าทันไว้ก่อนก็ดีนะค่ะ
วันนี้เรามารู้จักกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ชื่อว่า “ซิฟิลิส” เกิดจากการติดเชื่อแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ชื่อว่า ทีโพลีมาพาลีดุ้ม ซึ่งมีระยะฟักตัว 10 – 90 วัน
อาการของโรคซิฟิลิสมีได้หลายระยะซึ่ง แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 อาการจะมีแผลบริเวณอวัยวะเพศหรือว่าบริเวณทวารหนัก แผลจะมีลักษณะหนา ๆ ไม่เจ็บ และแผลก็จะหายไปได้เอง
ระยะที่ 2 มีผื่นตามตัวหรือว่าบริเวณฝามือ ฝาเท้า บางคนก็มีผมร่วงเป็นย่อม ๆ มีคิ้วร่วงได้ หรือว่ามีก้อนบริเวณอวัยวะเพศหรือว่าทวารหนักได้ ซึ่งอาการดังกล่าวก็สามารถหายไปได้เองเช่นเดียวกัน
ทั้งระยะที่หนึ่งกับระยะที่สอง อาการดังกล่าวสามารถหายไปได้เอง แต่ว่าถ้าตรวจเลือดก็ยังจะพบเลือดบวก ซิฟิลิสอยู่นะค่ะ ทีนี้ถ้ายังไม่ได้รับการรักษาเชื้อก็จะรามเข้าไปสู้
ระยะที่ 3 เชื้อจะเข้าไปสู่อวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น หัวใจ หลอดเลือด สมอง กระดูก ทำให้เกิดภาวะพิการ แล้วก็เสียชีวิตตามมาได้ ในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นซิฟิลิส ก็สามารถถ่ายทอดเชื้อไปสู่ทารกในครรภ์ได้ ทำให้เด็กที่คลอดมาเป็นซิฟิลิสแต่กำเนิด ซึ่งจะมีอาการคือ ดั้งจมูกยุบ ปากแหว่งเพดาลโหว่ หรือว่า ตาบอดได้
การรักษาโรคซิฟิลิส
ก็ขึ้นกับระยะที่เป็น ถ้าเกิดเป็นซิฟิลิสระยะที่ 1 2 และระยะแฝงที่ติดเชื้อมาไม่เกิน 2 ปี ก็รักษาด้วยการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ 1 ครั้ง แต่ถ้าเกิดติดเชื้อมาเกิน 2 ปีแล้ว ก็จะฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ ติดต่อกัน 3 สัปดาห์ ถ้าเกิดว่าเชื้อรามเข้าสู้ซิฟิลิสระยะที่ 3 ก็จะต้องรักษาด้วยการฉีดยาเข้าสู้เส้นเลือดดำติดต่อกันนาน 14 วัน นอกจากนี้ก็ต้องติดตามคู่เพศสัมพันธ์มารับการตรวจหาเชื้อซิฟิลิสและทำการรักษาต่อไป เท่านี้ก็สามารถหายได้จาก โรคซิฟิลิส แล้วหละค่ะ
วิธีการป้องกัน จากโรคซิฟิลิส
ง่าย ๆ ด้วยการใส่ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง ทุกครั้ง ทุกช่องทางกับทุกคนที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยนะค่ะ ทางที่ดีอย่าเปลี่ยนคู่นอนบ่อยนะค่ะเพราะเสี่ยงมากกับการที่จะเกิด โรคซิฟิลิส ได้นะค่ะ
นอกจากนี้ใครที่มีอาการผิดปกติ ที่ต้องสงสัยว่าจะเป็นโรค ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยโดยเร็วที่สุด เพื่อจะได้รักษาโรคได้ทันท่วงที ก่อนจะสายจนเกินเยียวยา
Advertisement